วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สรุป บทที่ 1 บทบาทการใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดการธุรกิจ

บทที่ 1บทบาทการใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดการธุรกิจ

          จากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ จะพบว่าธูรกิจมีการแข่งขันการสูงมาก ต้องอาศัยวิธีการแลพกลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่จำเป็น เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดต้องมีการวางแฟนการดำเนินงานอย่างดี วิเคราะห์ความต้องการของตลาดหรือกลุ่มลูกค้าของตนเอง มีเงินลงทุนมีความกล้าและความอดทนสูงจึงจะสามารถนำพาธุรกิจของตนให้อยู่รอดและเจริญก้าวหน้าได้หากวางแผนการดำเนินการไม่ดี กลยุทธ์การดำเนินงานไม่ดี ขาดการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจนั้นอาจจะประสบปัญหาไม่สามารถดำเนินงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึง

          จะเห็นได้ว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในปันจุบันเนื่องจากมีราคาไม่แพงจนเกินไปนัก  ประกอบกับสามารถนำไปใช้ได้กับงานหลากหลายชนิดธุรกิจปัจจุบันจึงได้นำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการดำเนินงานและถือว่าคอมพิวเตอร์มีความสำคัญต่อการปฏิบัติงานในองค์กรทำให้องค์กรสามารถบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดได้ ธุรกิจแต่ละประเภทนำคอมพิวเตอร์ไปใช้งานในรูปแบบแตกต่างกัน แลัววัตถุประสงค์ประสงค์ของการนำไปใช้งาน แต่จะมีวัตถุประสงค์หนึ่งที่เหมือนกัน

1.1 ความหมายและขอบเขตการจัดการธุรกิจ

        ในปัจจุบันได้เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า ธุรดกิจจะดำเนินงานได้ประสบผลสำเร็จมากน้อยเพียงใดย่อมขึ้นกับการจดการ และบุคคลสำคัญที่รับรับผิดชอบในการจัดการ โดยตรงก็คือผู้บริหารหารมีผู้บริหารที่มีความสามารถจึงเป็นสิ่งที่องค์กรธุรกิจทุกแห่งต้องการ ได้มีนักววิชาการหลายคนกล่าวถึงความหมายของการจัดการ (Management)หรือการบริหาร (Administration) ดังนี้
   
       Mary Parker Follett (1941) กล่าวว่าการจัดการคือ การบริหารการจัดการเป็นทิคการทำงาน
 
       Ricky W. Griffin (1999  :6) กล่าวว่า การจัดการ คือ กระบวนการ (Process) ของหารวางแผน (Planning) การจัดการองค์กร (Organiztion) การสั้งการ (Leading) และการควบคุม (COntrolling)

       George R. Terry  กล่าวว่า การบริหารการจัดการ คือ เป็นกระบวนการของการวางแผนการจัดองค์กร การกระตุ้นและการควบคุมให้บรรลุจุดมุ่งหมายร่วมกัน โดยใช้ทรัพยากรบุคคลและอื่นๆ

       อุทิส ศิริวรรณ (2548 :23) การจัดการ (Management) หรือบริหาร (Administration) โดยทั่วๆ ไปว่าคำที่มีความหมายใกล้เคียงกันและมักใช้แทนกันได้ แต่ในทางธูรกิจจะนิยมใช้คำว่าการจัดการมากกว่า และเมื่อกล่าวถึงคำว่า การจัดการ หมายถึง กระบวนการในการประสมประสานทรัพยากรต่างๆ ที่มีอยุ่เพื่อให้บรรลุผลสำเร็วตามวัตถุประสงค์ขององค์กร ทรัพยากรดังกล่าว ได้แก่


  1.         คน (Man) คือ ทรัพยากรบุคคลที่จะเป็นผู้ปฏิบัติงานในหน้าที่ต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี
  2.         วัสดุสิ่งของ (Material) คือ วัตถุดิบ เครื่องจักร อุปกรณ์และวัสดุสิ่งของต่างๆ ที่หามาเพื่อใช้ในการผลิตสินค้าและบริการ
  3.          เงินทุน (Money) คือ  ทรัพยากรสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการจัดหาทรัพยากรอื่นๆ
  4.          ข้อมูล (Information) คือ สถิติ ข่าวสาร และข้อมูลต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กรที่สนับสนุนให้การประสานทรัพยากรอื่นๆ เป็นไปในแนวทางที่เหมาะสม
     ทรัพยากรทั้ง 4 จะได้รับการประสมประสาน ผ่านกระบวนการการจัดการ

   สรุป ได้ว่า  การจัดการ (Management) หรือ อาจเรียกว่า การบริหาร หรือ การบริหารจัดการ หมายถึง ชุดของหน้าที่ต่างๆ ที่กำหนดทิศทางในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทั้งหลายอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กร 

           1.1.1 ประเภทของผู้บริหารแบ่งตามระดับการจัดการ

                     ประเภทของผู้บริหารที่ทำหน้าที่ทางการบริหารจัดการสำหรับธุรกิจโดยแบ่งตามระดับการจัดการแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่
                     1) ผู้บริหารระดับสูง เช่น ประธานบริษัท เป็นต้น เป็นผู้บริหารที่รับผิดชอบในการบริหารทิศทางการวางแผนกลยุทธและ นโนบายต่างๆ
                     2) ผู้บริหารระดับกลาง เช่น ผู้จัดการฝ่าย เป็นต้น เป็นผู้บริการที่มีหน้าที่ประสานงานระหว่างผู้บริหารงานระดับสูงและระดับล่าง และรับผิดชอบการวางแผนต่างๆๆ
                     3) ผู้บริหารระดับล่าง เช่น  หัวหน้างานเป็นต้น เป็นผู็บริหารที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการควบคุมดูแลผู้ปฏิบัติงานสำหรับ

           1.1.2 ประเภทของผู้บริหารแบ่งตามหน้าที่งาน

                    ประเภทของผู้บริหารที่ทำหน้าที่ทางบริหารจัดการสำหรับธุรกิจโดยแบ่งตามหน้าที่งานแบ่งเป็น 5 ด้าน ได้แก่
                     1) ผู้บริหารการผลิต เป็นผู้บริหารที่รับผิดชอบในการผลิตสินค้าและบริการ
                     2) ผู้บริหารการตลาด เป็นผู้บริหารที่รับผิดชอบด้านการตลาดของสินค้าและบริการ
                     3) ผู้บริหารทรัพยากรบุคคล เป็นผู้บริหารที่รับผิดชอบการจัดการทรัพยากรบุคคล
                     4) ผู้บริหารการเงิน เป็นผู้บริหารที่รับผิดชอบด้านการเงินและบัญชี
                     5) ผู้บริหารทั่วไป เป็นผู้บริหารที่รับผิดชอบในการประสานงานของทุกๆหน้าที่เข้าด้วยกัน

  ดังนั้นสรุปได้ว่า จากการแบ่งประเภทของผู้บริหารออกเป็น 2 ประเภทนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารที่แบ่งตามระดับการจัดการ หรือผู้บริหารแบ่งตามหน้าที่งานนั้น ผู้บริหารแต่ละหน้าที่งานจะมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่างกันออกไป 

             1.2 วิวัฒนาการของการใช้คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ

                   คอมพิวเตอร์เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นประมาณ 50 ปีก่อนนั้น มีพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลจากอดีตอย่างมากมาย การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ ในทุกวงการเป็นไปอย่างแพร่หลาย
                   Schultheis & Summmer (1998) เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ มีวิวัฒนาการมาเป็นระยะๆทั้งนี้เป็นผลมาจากการคิดค้นและปรับปรุงเทคโนโลยีที่มีอยุ่ให้มันดีขึ้น

            1.2.1 ยุคประมวลผลข้อมูลหรือยุคดีพี (Data Processing Era : DP Era)

                     การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ประเทศไทยเริ่มต้น เมื่อสำนักงานสถิติแห่งชาติได้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ระดับเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งเครื่องจะใหญ่เพื่อสำมะโนประชากรในราวปี พ.ศ. 2505

                      ดังนั้นการใช้คอมพิวเตอร์ในธุรกิจในยุคประมวลผลข้อมูล สามารถสรุปได้เป็น 6ประเด็นหลักๆ ได้ดังนี้ คือ
              
  1. ) ลักษณะการใช้งานทั่วไป
  2. ) จุดมึงหมายของการใช้คอมพิวเตอร์ในยุดประมวลผลข้อมูล
  3. ) รูปแบบของการประมวลผลข้อมูล
  4. ) เทคโนโลยีในยุดประมวลผลข้อมูล
  5. ) การบริหารจัดการแรงงานคอมพิวเตอร์
  6. ) การพัฒนาซอฟต์แวร์และระบบสารสนเทศ

          1.2.2 ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอที

                  ซึ่งนิยมเรียกสั้นๆ ว่า ยุคไอทีนั้น  เริ่มต้นในราวช่วงปี พ.ศ. 2525 ซึ่งหากดูจากชื่อเรียกของยุคแล้ว ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยี
                  การใช้คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจในยุคเทคโนโยลีสารสนเทศสามารถสรุปเป็น 5 ประเด็นหลักได้ดังนี้ คือ 
  1.  ลักษณะการใช้งานทั่วไป
  2.  การประยุกต์ในงานด้านอื่นๆ                   
  3. ระบบสารสนเทศในธุรกิจ
  4. โปรแกรมสำเร็จรูป
  5. การบริหารจัดการงานคอมพิวเตอร์

        1.2.3 ยุคเครื่อข่ายหรือยุคเน๊ตเวอร์ (Network Era)

                 เป็นยุคที่มีการผสมผสานการใช้งานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ากับเทคโนโลยีโทรคมนาคมเพื่อให้ทำงานร่วมกันเป็นระบบเครื่อข่าย

                 พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้นการกำเนินธุรกิจในยุคเครือข่ายมีการเปลี่ยนแปล 4 ด้านสรุปได้ดังนี้ คือ 
  1.  การทำงานภายในองค์การจากเดิมทำงานแบบบุคคล
  2.  ระบบงาน
  3.  โครงสร้างองค์กรธุรกิจ
  4. หารประยุกต์ในการดำเนินธุรกิจ          

              1.3 ลักาณะการใช้คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ

                    ถึงแม้ว่าแต่ละธุรกิจจะมีการแบ่งโครงสรา้งขององค์การที่แตกต่างกัน แต่การใช้งานคอมพิวเตอร์ก็ยังมีความคล้ายคลึงกันซึ่งสามารถจำแนกได้ 3 ลักษณะ 
                     1. การใช้คอมพิวเตอร์ในภารกิจหลักของธุรกิจ
                     2. การใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานร่วมกันในงานกลุ่ม
                     3. การใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานส่วนบุคคล

               1.3.1 การใช้งานคอมพิวเตอร์ในภารกิจหลักของธุรกิจ

                         การใช้งานในลักษณะนี้เป็นการใช้งานระดับองค์กรในงานหลักของธุรกิจ โดยการประยุกต์กับงานด้านต่างๆ ภายในองค์การ
                         ดังนั้นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในภารกิจหลักจึงก่อให้เกิดผลดีต่อธุรกิจดังนี้

  1.  การลดต้นทุนการดำเนินงาน
  2.  การเพิ่มรูปแบบการบริการให้มีความหลากหลายและรวดเร็ว
  3.  การเพิ่มผลผลิตขององค์การ
  4. การเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้สูงขึ้น                     

               1.3.2 การใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานร่วมกัน


  1. การติดต่อสื่อสาร
  2. การปฏิสัมพันธ์
  3. การตัดสินใจและการแก้ปัญหา
                                     

                1.3.3 การใช้งานคอมพิวเตอร์ด้านส่วนบุคคล


  1. งานด้านการพิมพ์และการจัดเอกสาร
  2. งานด้านการจำหน่ายจดหมาย
  3. งานด้านการคำนวน
  4. งานด้านการนำเสอน
  5. งานด้านการจัดการข้อมูล
  6. งานด้านการนัดจดหมาย

                1.4  การใช้งานคอมพิวเตอร์ในระบบบริหาร

                   1.4.1 การใช้งานคอมพิวเตอร์ในงานสารสนเทศเพื่องานด้านบริหาร

  1. ระบบสารสนเทศระดับสูง  
           1.1 ระบบสารสนเทศในระดับกลยุทธ์
           1.2 ระบบสารสนเทศในระดับยุทธวิธี
           1.3 ระบบสารสนเทศในระดับปฏิบัติการ

      2. ระบบสารสนเทศตามสายงานธุรกิจ

                    1.4.2 ความจำเป็นระบบสารสนเทศต่องานบริหาร


  1. เพื่อการวางแผน
  2. เพื่อการตัดสินใจ
  3. เพื่อการบริหารจัดการ
  4. เพื่อการควบคุงาน
  5. เพื่อการติดตามและประเมินผล  

                     1.4.3 การใช้งานคอมพิวเตอร์ในการสร้างสารสนเทศเพื่อการบริหาร

                            คอมพิวเตอร์มีบทบาทในการสร้างสารสนเทศทั้งระดับปฏิบัติและระดับบริหารสารสนเทศเพื่อการบริหาร

                   1.5 การใช้สารสนเทศในระดับประยุกธ์

                       1.5.1 คุณลักษณะของสารสนเทศเพื่อการวางกลยุกธ์

  1. เป็นสารสนเทศที่มาจากทั้งภายในและภายนอกองค์กร
  2. เป็นข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง
  3. เป็นสารสนเทศทีใช้ในงานพยากรณ์หรือประมาณการ
  4. เป็นสารสนเทศที่จัดทำในรูปเชิงสรุป
  5. เป็นข้อมูลที่ทัยสมัยและทันต่อเหตุการณ์   

                        1.5.2 แหล่งที่มาของสารสนเทศเพื่อการวางกลยุทธ์

          แหล่งที่มาของสารสนเทศมีทั้งจากภายในและภายนอก แต่เราจะกล่าวถึงแหล่งที่มาของสารสนเทศภายนอกองค์ ได้แก่

  1. สื่อสารมวลชน
  2. การสำรวจหรือวิจัยต่างๆ
  3. สมาคมหรือสถาบันต่างๆ
  4. การพูดคุยหรือพอปะสังสรรค์
  5. ห้องสมุดหรือศูนย์บริการข้อมูล
  6. การใช้บริการฐานข้อมูลเชิงพาณิชย์
  7. อินเทอร์เน๊ต          

                        1.5.3 การรวบรวมและจัดเก็บสารสนเทศเพื่อการว่างแผนกลยุทธ์


  1. การบันทึกเทป
  2. การทำกฤตภาค
  3. การจัดทำเป็นดัชนี

                        1.5.4  ตัวอย่างการใช้สารสนเทศเพื่อการวางกลยุกธ์


  1. กลยุทธ์การเงิน
  2. การพยากรณ์ทางการเงินระยะยาว

                         1.5.5 กลยุทธ์ทางการผลิต

                                   แฟนกลยุทธ์ทางการผลิตจะต้องคำนึงถึงแฟนการลงทุนระยะยาวเกี่ยวกับการผลิต

                         1.5.6 กลยุทธ์ทางทรัพยากรบุคคล

                                  แผนกลยุทธ์ด้านทรัพยากรบุคคล เป็นการจัดทำและรวบรวมสารสนเทศ เพื่อให้องค์การมีบุคลากรที่มีคุณภาพมาทำงานในอนาคตประกอบด้วยนโยบายการจ้างพนักงาน
          

                      1.6  การใช้สารสนเทศในระดับยุทธวิธี

                                    มีประเด็นที่สามารถนำมาพิจารณาการใช้สารสนเทศในระดับประยุทธิวิธีประกอบด้วย 3 ประเด็น ดังนี้ 

                           1.6.1 คุณลักษณะของสารสนเทศเพื่อการวางแผนยุทธวิธี

  1. คุณลักษณะของสารสนเทศเพื่อการวางแผนยุทธวิธี
  2. สารสนเทศภายในจะเกิดจากข้อมูลระดับปฏิบัติการ                
                 2.1  รายงานสรุป
                 2.2  รายงานกรณีพิเศษ 
                 2.3  รายงานที่เร่งด่วน
      3. เป็นลักษณะเชิงเปรียบเทียบ
      4. เป็นสารสนเทศที่มาจากภายในและภายนอก

                          1.6.2 แหล่งที่มาและการจัดเก็บสารสนเทศเพื่อการวางกลยุทธวิธี


  1. สารสนเทศจากทั้งภายในและภายนอก
  2. ข้อมูลด้านบุคลากร

                          1.6.3 ตัวอย่างการใช้สารสนเทศเพื่อการวางแผนยุทธวิธี


  1. งานบัญชีและการเงิน

          1.1 งานงบประมาณ
          1.2 งานบริหารเงินสด
          1.3 งานบริหารงานลงทุน
      2. งานขายและการตลาด
      3. งานการผลิตการวางแผนความต้องการใช้วัตถุดิบ
      4. งานทรัพยากรบุคคล

                           1.7 การใช้สารสนเทศในระดับปฏิบัติการ

                           1.7.1 คุณลักษณะของสารสนเทศสำหรับแผนปฏิบัติการ

                                    ดังนั้นสารสนเทศเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการจะมีลักษณะดังนี้

  1. เป็นสารสนเทศที่มาจากภายในองค์การ
  2. เป็นสารสนเทศที่มีโครงสร้างแน่นอน
  3. เป็นสารสนเทศที่เกิดจากการปฏิบัติงาน
  4. เป็นสารสนเทศที่มีรายระเอียด ชัดเจน
  5. เป็นสารสนเทศที่ใช้ควบคุมการทำงานของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงาน

                           1.7.2 แหล่ที่มาของสารสนเทศสำหรับแผนปฏิบัติการ

                                    สำหรับแหล่งที่มาของสารสนเทศสำหรับแผนปฏิบัติการจะมาจากภายในองค์การในระดับปฏิบัติที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ

                           1.7.3 การเก็บรวบรวมข้อมูล

                                    การเก็บรวบรวมจะเป็นการเก็บรวบรวมในรูปแบบของการคอมพิวเตอร์เก็บข้อมูล

                           1.7.4 ตัวอย่างการใช้สารสนเทศในการวางแผนปฏิบัติการ


  1. สำหรับงานขายและการตลาด
  2. สำหรับงานบัญชีและการเงิน
  3. สำหรับงานผลิต                                    

                     1.8 การใช้คอมพิวเตอร์กับการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ

                                  ธุรกิจใดมีการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ ย่อมจะมีความสามารถที่จะทำให้ค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ ของตนมีลดตามไปด้วย โดยเราจะพบว่ายิ่งธุรกิจมีค่าใช้จ่ายลดน้อยลงเท่าใด ต้นทุนการประกอบการก็ยิ่งจะลดลงได้มากขึ้นเท่านั้น
                                   การดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพสามารถเกิดได้ไม่ยากด้วยนำคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานจะสามารถลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานในด้านต่างๆของธุรกิจ

                      1.9 คอมพิวเตอร์กับการสนับสนุนการประดิษฐ์คิดค้นทางธุรกิจ

                                   การใช้คอมพิวเตอร์ในองค์การธุรกิจดังกล่าวสามารถผลิตสินค้า บริการ และกระบวนการใหม่ๆ ได้ไม่ยาก โดยคอมพิวเตอร์จะช่วยเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรขององค์การดังกล่าวสามารถใช้ความคิดริเริ่ม และจินตนาการของตนเพื่อประดิษฐ์คิดค้นใหม่ๆ ทางธุรกิจได้อย่างอิสระ จะมีความได้เปรียบทางการแข่งขันเหนือคู่แข่งทางธุรกิจ    

















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น